NetDesignRank.com คือ 1 ในบริษัท Local SEO ชั้นนำที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย มีลูกค้ามากมายกว่า 2,000 เว็บไซต์ทั้ง E-Commerce และ Agency ในประเทศไทย ให้บริการมายาวนานเกินกว่า 15 ปี ด้วยราคาที่จับต้องได้ (affordable)
ทำไมถึงต้องทำ SEO! (คลิกอ่านต่อ)คุณต้องการรับคนมาเข้าชมและติดตามเพจ Facebook ของคุณมากขึ้นหรือไม่? พร้อมที่จะได้รับรายได้เพิ่มขึ้นผ่านโฆษณาเว็บไซต์? ต้องการให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกของ Google หรือไม่? นี่เป็นเพียงบางส่วนที่เราเชี่ยวชาญที่ NetdesignRank Agency! ทีมงานมืออาชีพด้าน SEO ที่เรียกว่า local SEO เรามีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ที่จะสามารถช่วยเหลือธุรกิจในประเทศไทย Thailand ในการโปรโมทเว็บไซต์ เพจ Facebook ช่อง YouTube และอื่นๆ
หนึ่งในบริการหลักที่เรามีให้คือ Google SEO สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการปรับแต่งลักษณะoff page และ on page ของเว็บไซต์ของลูกค้าเพื่อให้ Google มองว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงสุดและจัดอันดับให้สูงขึ้นในหน้าผลลัพธ์ เราอาจไม่ใช่บริษัทที่รับทำ SEO (affordable SEO company ) ที่มีราคาเหมาะสมที่สุด แต่เราจะทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในหน้าแรกของ Google อย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มค่าสูงสุด หากคุณไม่ได้อันดับตามข้อตกลงของเรา เรายินดี คืนเงินเต็มจำนวน 100%
ประสบการณ์กว่า 10 ปี
ทำติดมาแล้ว 12,000 keywords
NetdesignRank เปิดให้บริการมามากกว่า 10 ปี (ปัจจุบันชื่อแบรนด์ Z.com) มีลูกค้าผ่านมือเราไปแล้วมากกว่า 2,000 ราย หรือประมาณ 12,000 keywords
NetdesignRank
มีความน่าเชื่อถือ
NetdesignRank หรือชื่อในปัจจุบันคือ Z.com เราคือผู้ให้บริการเกี่ยวกับเว็บไซต์แบบครบวงจร มีบริการต่างๆมากมาย ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท
มีผลงาานการันตี
เราทำ SEO ใน Keyword คำว่า "รับทำ SEO" ติดอันดับ 1 ในหน้าแรก Google มานานกว่า 2 ปี และติดอันดับ 1-5 มานานกว่า 10 ปี ซึ่งเป็น Keyword อันดับ 1 ในวงการด้าน SEO
ซึ่งเป็น Keyword อันดับ 1 ในวงการด้าน SEO เป็นการแสดงให้เห็นว่าเรามีทีมงานที่มีประสิทธิภาพสามารถทำให้ติดได้จริง ผู้ให้บริการรายอื่นอาจจะเสนอราคาที่ต่ำกว่า แต่ทำติดจริงไม่ได้ทำให้ลูกค้าเสียเวลา ถึงแม้จะได้เงินคืนมาแต่คิดเป็นมูลค่าไม่ได้เลยกับโอกาสทางธุรกิจที่เสียไป
SEO หรือเรียกย่อมาจาก Search Engine Optimization การทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างยอด Traffic ให้ติดอันดับการค้นหาแรก ๆ ได้เร็ว เพราะ Search Engine คือพื้นที่เปิดให้คนมีโอกาสค้นพบเว็บไซต์ของคุณได้มากกว่า จากสื่อโซเชียลต่าง ๆ ที่นับวันจะสร้างคอนเทนต์ล้นตลาด แต่หาที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคจริง ๆ หากทำ SEO ดี ๆ จนเว็บไซต์ติดอันดับอยู่ตัวแล้ว รับรองว่าผลตอบรับหลังจากนั้นคุ้มค่าแน่นอน เว็บไซต์คุณจะมี Traffic เข้ามาเยี่ยมชมเรื่อย ๆ
ทำให้เว็บไซต์ของเรามีผู้เข้าชมมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากเว็บไซต์เรามีสินค้าที่ต้องการอยากจะจำหน่ายผ่านทางออนไลน์จะช่วยเพิ่มการขายสินค้าและบริการได้มากยิ่งขึ้น การเข้าชมเว็บไซต์มักจะเริ่มมาจากการเสิร์ชผ่าน Search Engine ต่าง ๆ จึงไม่ค่อยมีใครเข้าเว็บไซต์โดยตรง แต่การเสิร์ชผ่านจากตัว Google ก็ยังเป็นช่องทางหลักสำหรับเว็บไซต์ เพราะผู้ที่จะเข้าชมจะต้องมีความสนใจที่จะเสิร์ชข้อมูลซื้อสินค้าและบริการอยู่แล้วจากนั้นคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของคุณได้
Google เน้นย้ำอยู่เสมอมาในเรื่องของ Onpage ที่ต้องให้รองรับกับการจัดเก็บของ Google รวมถึงเมื่อมีผู้เข้าชมต้องเห็น Keyword ที่ต้องการสื่อสารออกมา มีความหมาย ความเข้าใจในตัว Keyword นั้น ๆ และมีในส่วนของ Pagespeed ที่ความเร็วเป็นปัจจัยที่สำคัญ เมื่อเว็บรองรับความเร็วทั้งทาง Mobile และ Desktop ที่ขาดไม่ได้เป็นการทำ Backlink ที่มีคุณภาพ ส่งผลให้เว็บไซต์สามารถขึ้นมาติดอันดับบนหน้า Google ได้
ในยุคปัจจุบันอาวุธของนักการตลาดคงหนีไม่พ้นการทำการตลาดออนไลน์ คือ การทำ SEO นั้นเอง การทำ SEO มีอิทธิพลต่อการเพิ่มยอดขายในผลิตภัณฑ์และบริการ ต้องยอมรับว่าการทำ SEO เป็นช่องทางหนึ่งที่จะสามารถทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาบน Google และให้เว็บไซต์มีโอกาสขายของได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหลายคนต้องทำเมื่อเข้าร่วมแข่งขันบนตลาดออนไลน์ ซึ่งเป็นการปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมการเปิดข้อมูลข่าวสารที่ผู้บริโภคเริ่มเป็นฝ่ายค้นหาข้อมูลต่างๆด้วยต้นเอง จึงทำให้การค้นหาข้อมูลมีความสะดวก รวดเร็ว และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ จะดีแค่ไหนหากเว็บไซต์ของคุณเป็นอันดับต้นๆ ที่ผู้บริโภคจะค้นหาเจอในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิส์
การทำอันดับ หรือ SEO เป็นการจัดทำ ปรับปรุงเว็บไซต์หรือเว็บเพจ เพื่อให้ติดอันดับต้นๆ ในหน้าผลการค้นหาของเสิร์ช ด้วยวิธีการธรรมชาติหรือที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดผ่านระบบค้นหา ตัวนี้ข้อดีคือหากมีการทำจะไม่ได้เสียค่าคลิกโฆษณา เหมือน SEM จะเป็นการจ่ายเข้ามาเป็นครั้งเดียวหรือเป็นรายเดือนแล้วแต่ตามข้อสัญญาของแต่ละบริษัท
การตลาดผ่านเสิร์ชเอ็นจิ้นของ google หรือผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ เป็นรูปแบบหนึ่งของการตลาดทางอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับการโปรโมตเว็บไซต์โดยการเพิ่มการแสดงผลในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาเป็นหลัก ผ่านการโฆษณาแบบชำระเงิน SEM โดยหากมีการชำระเงินเข้ามาการทำ SEM นั้นจะสามารถทำให้ติดหน้าแรกของการเสิร์ชค้นหาในหน้าแรกของ Google เลยทันที แต่จะต้องเสียค่าคลิกทุกครั้งนั้นเอง
ดังนั้น ทั้ง SEM กับ SEO จึงมีผลต่างกันขึ้นอยู่กับที่คุณเลือกใช้บริการ อย่างที่แจ้งไว้ การทำ SEM จะเห็นผลได้เร็วกว่า SEO เพราะ SEM เป็นการจ่ายเงินเพื่อซื้อโฆษณา ดังนั้น Google สามารถที่จะทำให้โฆษณาของเว็บไซต์เราปรากฏขึ้นในการค้นหาได้ทันที แต่จะต้องเสียค่าคลิกการโฆษณาทุกครั้งเมื่อมีการเข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งบางครั้งค่าคลิกชมเว็บไซต์แต่ละครั้งอาจจะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าปกติหรือเท่าตัวก็สามารถเป็นไปได้ ส่วน ในขณะที่การทำ SEO จะต้องใช้เวลาค่อยๆ ดันเว็บไซต์ให้มีการเลื่อนอันดับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามกลไกของอัลกอริทึ่มของกูเกิล ซึ่งถึงตัวนี้จะต้องใช้ระยะเวลา แต่การทำ SEO สามารถการันตีได้เลยหากติดอันดับแล้วจะสามารถขึ้นได้นานกว่าปกติ และจะติดหน้าแรกของ google อยู่นานกว่าการทำ SEM และไม่ต้องเสียค่าคลิกโฆษณาอีกด้วย และเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายค่อนข้างดีสำหรับคนที่สนใจจะทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับ ทางเราจึงจะแนะนำการทำ SEO มากกว่า เพื่อเป็นการโปรโมทเว็บไซต์ตัวเองได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น
การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญที่ใช้ในการเพิ่มการมองเห็นและการเข้าถึงเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหาอย่าง Google, Bing, Yahoo และอื่นๆ หลายคนอาจสงสัยว่า SEO คือ อะไร และ SEO คือ การทำงานอย่างไร ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ SEO คือ อะไรและวิธีการนำไปใช้ในการทำธุรกิจออนไลน์ รวมถึงการปรับปรุง SEO เว็บไซต์ ของคุณให้ติดอันดับดีขึ้นในผลการค้นหา
คำว่า SEO คือ ย่อมาจาก Search Engine Optimization หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับการค้นหาผ่านเครื่องมือค้นหา (Search Engine) เป้าหมายหลักของ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงสุดในผลการค้นหาของ Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่นๆ การติดอันดับดีจะเพิ่มโอกาสให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การเติบโตของธุรกิจดีขึ้นตามไปด้วย
การทำ SEO คือ อะไร ที่หลายๆ คนพูดถึงนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การใส่คำหลักหรือคีย์เวิร์ดเข้าไปในเนื้อหาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ ความเร็วในการโหลด และการเชื่อมโยงลิงก์ต่างๆ ในเว็บไซต์ ซึ่งทุกอย่างนี้ล้วนมีผลต่อการจัดอันดับ
การทำ SEO สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักคือ On-Page SEO และ Off-Page SEO ทั้งสองส่วนนี้สำคัญและต้องทำควบคู่กันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
1. On-Page SEO
On-Page SEO คือการปรับแต่งสิ่งต่างๆ SEO เว็บไซต์ ของคุณ เช่น เนื้อหา โครงสร้างของเพจ การใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง และการตั้งชื่อ URL ที่เข้าใจง่าย การใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมในหัวข้อ (Title Tag), คำอธิบายหน้า (Meta Description), และในเนื้อหาหลักของเว็บไซต์ จะช่วยให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับอะไร
หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ SEO คืออะไร ในส่วนของ On-Page [SEO] สิ่งสำคัญคือการใช้คีย์เวิร์ดในลักษณะที่เป็นธรรมชาติ ไม่ให้มากเกินไปจนน่าสงสัย และต้องเน้นให้เนื้อหามีคุณภาพจริง SEO เว็บไซต์ การจัดเรียงเนื้อหาให้สวยงามและอ่านง่ายช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ นอกจากนี้ควรใส่รูปภาพ วิดีโอ หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เสริมความเข้าใจให้กับผู้ใช้งาน
2. Off-Page SEO
ในส่วนของ Off-Page SEO คือกระบวนการที่เกิดขึ้นภายนอกเว็บไซต์ของคุณ เช่น การสร้างลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks) จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีคุณภาพเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ ลิงก์ย้อนกลับนี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับ Google ว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณค่าจริง นอกจากนี้ SEO เว็บไซต์ การแชร์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย หรือการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเว็บไซต์อื่นๆ ก็มีผลต่อการเพิ่มอันดับในการค้นหา
ในส่วนนี้เราจะมาอธิบายขั้นตอนง่ายๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ Google โดยเน้นคำถามหลักที่หลายคนสงสัยคือ SEO คืออะไร
1. การวิจัยคีย์เวิร์ด
การวิจัยคีย์เวิร์ดเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ควรค้นหาคำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณ เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner หรือ Ubersuggest สามารถช่วยให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีความนิยม และคำที่มีการแข่งขันไม่สูงมาก
2. การปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์
เมื่อคุณได้คีย์เวิร์ดที่ต้องการแล้ว SEO เว็บไซต์ ให้ปรับปรุงเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณโดยใส่คีย์เวิร์ดในส่วนต่างๆ เช่น หัวข้อ, Meta Description, URL และในเนื้อหาหลัก อย่างไรก็ตาม อย่าใส่คีย์เวิร์ดมากเกินไปจนทำให้เนื้อหาดูไม่เป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ควรปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์ให้สามารถโหลดได้เร็ว เพราะความเร็วในการโหลดมีผลต่อการจัดอันดับของ Google การใช้เครื่องมืออย่าง Google PageSpeed Insights สามารถช่วยตรวจสอบและปรับปรุงความเร็วได้
3. การสร้างลิงก์ย้อนกลับ
ลิงก์ย้อนกลับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญใน SEO เว็บไซต์ ควรสร้างลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ของคุณ โดยอาจเริ่มจากการเขียนบทความที่น่าสนใจและมีคุณค่า แล้วแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียหรือเว็บบล็อกต่างๆ ลิงก์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ
4. การใช้เครื่องมือ SEO
การใช้เครื่องมือ [SEO] เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เครื่องมืออย่าง Google Analytics, Google Search Console และ Ahrefs ช่วยให้คุณสามารถติดตามผลลัพธ์ของ [SEO] ได้อย่างแม่นยำ คุณจะสามารถรู้ได้ว่าอันดับของคุณปรับตัวขึ้นหรือลงจากการเปลี่ยนแปลงใดๆ และสามารถปรับปรุง SEO ให้ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
หลังจากทำการปรับปรุง [SEO] เว็บไซต์แล้ว SEO คือ อะไร การวัดผลลัพธ์เป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถใช้ Google Search Console เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของคุณมีการแสดงผลในผลการค้นหาของ Google มากน้อยเพียงใด และคีย์เวิร์ดไหนที่ทำให้ผู้คนคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ Google Analytics ยังสามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชม เช่น แหล่งที่มาของผู้เข้าชม ระยะเวลาที่ผู้เข้าชมอยู่ในหน้าเพจ และจำนวนการคลิก
SEO คืออะไร ที่หลายๆ คนยังคงสงสัย ไม่ใช่เพียงแค่การใช้คีย์เวิร์ดเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอย่างครบถ้วน ดังนั้น การทำ [SEO] จึงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
SEO คือ อะไร SEO เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์และเว็บไซต์ทั่วไปสามารถเพิ่มการมองเห็นและดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้น การทำ SEO ที่ดีต้องอาศัยการเลือกคีย์เวิร์ดที่ถูกต้อง การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ การปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ และการสร้างลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงขึ้นใน Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ ด้วยการใช้กลยุทธ์ SEO อย่างเหมาะสม คุณจะสามารถสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน